Thursday, September 13, 2007

A New Beginning




วันนี้ดิฉันสอนนิสิตวิชา Discourse Analysis เป็นวันสุดท้าย ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่จะลาออกจากจุฬาฯก่อนเกษียณอายุ แต่เมื่อเวลามาถึง ก็เป็นการจากที่ดี ไม่ได้มีความรู้สึกว่ากำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ เพราะต่อแต่นี้ไปก็ยังคงเป็นครูอีก แต่เป็นครูสอนเรื่องของชีวิต มากกว่าจะเป็นครูสอนภาษาศาสตร์ ขอขอบคุณนิสิตทั้งหลายที่ทำให้เห็นความหมายของคำว่า "ครู"

7 comments:

Nuch said...

ขอบคุณอาจารย์ที่เป็นทั้งครูภาษาศาสตร์และครูชีวิต ขอบคุณที่ช่วยเหลือและให้โอกาสเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้ทำตามฝันของตัวเอง ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตการเป็นนิสิตจุฬาได้มีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและมีความสุข ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ได้รู้จักอาจารย์ ขอบคุณที่ทำให้หนูรู้สึกว่ามีที่พึ่ง ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าคนเราสามารถมีศรัทธาต่อใครสักคนได้มากขนาดนี้ แม้จะรู้จักกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ และสุดท้ายขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าคำว่าครูมันยิ่งใหญ่มากแค่ไหน ขอบคุณนะคะ

Keeratikhun Chuenchomrat (Champagne) said...

ก็รู้สึกเสียดายอาจารย์มาก แต่ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของอาจารย์ อาจารย์มีความรู้มาก และอาจารย์ไม่ใช่คุณหนูไฮโซ แต่เป็นผู้หญิงที่ต่อสู้ อาจารย์จำเรื่องที่ให้สัมภาษณ์ในเว็บเก่าได้ไหมคะ เรื่องตอนที่อาจารย์อยู่สายปัญญา และต้องเสิร์ฟพิซว่าที่อเมริกา มันเป็นแรงบันดาลใจมาก เพราะทำให้รู้ว่าทำงานหนัก ก็เรียนได้

หนูเองชอบทำงาน เพราะต้องใช้เงินมาก ดูแลพ่อแม่ ตัวเอง และทำบุญ แม้จะเรียนได้ไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ทุกทีที่เหนื่อย ก็จะคิดถึง ผู้หญิงที่ชื่อ กฤษฎาวรรณ เสมอ ดีใจที่สุด ที่ได้ร่วมทำบุญกับอาจารย์ เพราะนี่จะผูกพันให้หนูได้อยู่ในเนื้อนาบุญของอาจารย์ตลอดไป

แล้วจะไปหาที่มูลนิธินะคะ เพราะคิดถึง เหมียวทอง และเจ้าเพชร ด้วย แมวสีดำๆ ด่างๆ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะชื่อเพชร

Jampa Nyima said...

เป็น "ลูกศิษย์" ครูมาตั้งแต่เรียนชั้นปีหนึ่ง เมื่อปี 2541 ถีงวันนี้ก็เกือบจะครบรอบเก้าปีแล้ว คงต้องกราบขอโทษครูที่จำอะไรที่ครูสอนในวิชาภาษาทัศนาไม่ได้เลย นอกจากคำว่า "ซีแบม เหงียมโบ้" (ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าใช่คำนี้หรือเปล่า!)จำแผนภูมิต้นไม้ในการวิเคราะห์ประโยคได้รางๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่จำได้คือ ครูใจเย็นมากกับพวกเราซึ่งคุยกันเก่งมากๆ

จากนั้นก็ไม่ได้เรียนวิชาอะไรกับครูอีก จนกระทั่งมีโอกาสได้เป็นผู้ช่วยสอนเมื่อครูเปิดสอนภาษาทิเบต จึงได้เรียนภาษาทิเบตไปด้วย จนกระทั่งครูตั้งมูลนิธิ ได้มีโอกาสช่วยงาน ได้รับคำสอนจากครูทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ความผูกพันจึงเพิ่มพูนขึ้น

ส่วนใหญ่ คำสอนที่ได้รับจากครูไม่ได้ผ่านมาจากคำพูด แต่เป็นการกระทำที่ออกมาจิตใจภายใน ไม่ว่าจะเป็นความเมตตากรุณา ความมุ่งมั่น ความศรัทธา ความกตัญญูที่มีต่อครู ความอดทน รอยยิ้ม และการให้กำลังใจผู้อื่น ชื่นชมผู้อื่นเสมอ

มีอยู่วันหนึ่ง จำไม่ได้ว่าวันนั้นมีเหตุการณ์อะไร แต่นึกขึ้นมาในใจว่า ครูไม่แตกต่างจากพระแม่ตาราสำหรับลูกศิษย์คนนี้ ทุกๆ เช้า เมื่อตื่นนอน นึกถึงคุรุริมโปเชเป็นความคิดแรก และภาพของครูจะติดตามมาเสมอ

ขอบพระคุณครูสำหรับทุกสิ่งที่ครูได้มอบให้ ครูเป็น "ครูสอนชีวิต" ตลอดมา และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป... ทุกภพทุกชาติ

Keeratikhun Chuenchomrat (Champagne) said...

เข้าบล็อคอาจารย์ทีไร เจอ jampa Nyima ทุกที

Krisadawan Hongladarom said...

Thanks to all for adding meaning to my life. Your smiles will remain in my memory. May your life be filled with happiness always. Never forget to reward yourself when your good task is completed. I will look forward to the day of your graduation!

Anonymous said...

อาจารย์เป็นคนที่น่าชื่นชมคนหนึ่งในสายตาของผมเสมอ
แนวความคิดของอาจารย์ไม่ได้เน้นเฉพาะในเรื่องทางวิชาการ
แต่ยังมอบแนวคิดในการดำเนินชีวิตให้กับนิสิต

ยังจำได้ที่อาจารย์เคยบอกกับพวกเราว่า
"งานของอาจารย์อาจจะไม่ต้องดี100เปอร์เซนต์ แค่ 70-80 เปอร์เซนต์อาจารย์ก็พอใจ แต่อาจารย์ได้มากกว่านั้น เพราะอาจารย์ได้เพื่อน ได้มิตรภาพ ได้ความรู้สึกที่ดีตอบแทน"

เสียดายที่มีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ไม่เยอะเท่าไหร่
แต่ได้ข้อคิดจากอาจารย์เยอะมาก

ขอบคุณครับ

ปล. ขอให้อาจารย์รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

Unknown said...

ผมเคยอ่านบทความของอาจารย์เรื่อง "ภาษาทิเบตในยูนนาน" ในวารสารภาษาและวัฒนธรรม (2540) ความรู้สึกแรกคือ "โห.. อุตส่าห์ไปศึกษาเนาะ!" ต่อมาก็ได้อ่าน "ความเป็น "พวกเรา" และ "พวกเขา" ในสังคมไทย : การรายงานข่าวเกี่ยวกับชาวเขาในวาทกรรมหนังสือพิมพ์ไทย" (2543)อ่านแล้วยอมรับว่าแรกๆ ก็งงบ้าง ต่อมาก็พอเข้าใจตามแต่กำลังสติปัญญาในขณะนั้นจะมี

แล้วก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มานั่งฟังอาจารย์สอนหนังสือ ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์
การเรียนกับอาจารย์ ไม่ได้เพียงแค่ทำให้ผมเข้าใจวิชาการ แต่ยังทำให้ผมเข้าใจคำว่า "ชีวิต" และคำสอนหลายๆ ครั้งของอาจารย์ก็ดังแว่วในหูทุกทีที่ท้อแท้ ทุกทีที่เหนื่อย คำสอนเหล่านี้มีค่ากับผมมากมาย อาจารย์เป็นแม่แบบของความเป็นอาจารย์ที่ไม่ทำให้ลูกศิษย์เรียนอย่างระทมทุกข์ ผมเรียนกับอาจารย์ยอมรับว่าก็มีที่เหนื่อย แต่ไม่ได้ทุกข์อะไร ผมจะจำไว้เป็นแบบอย่างของครูและนักวิจัยที่ดีต่อไปในภายภาคหน้าครับ

กราบขอบพระคุณสำหรับทุกความรู้ และแรงบันดาลใจให้ใฝ่หาความรู้ครับ

ปล. อาจารย์ดูแลรักษาสุขภาพนะครับ