วันนี้ทำงานที่ค้างไว้มาเกือบสิบปีเสร็จไปหนึ่งชิ้น เป็นตำราภาษาศาสตร์ เมื่อใกล้จะลาออก ก็ดูเหมือนว่าไฟในการทำวิจัยเกี่ยวกับภาษาจะมอดลงเรื่อยๆ อาจารย์อีเดะที่ญี่ปุ่นชวนให้เขียนบทความตีพิมพ์และชวนไปจัดประชุมที่อัมสเตอร์ดัม
เมษายนหน้า ถ้าเป็นเมื่อ 3-4 ปีก่อน ฉันอาจจะดีใจและทำงานเต็มที่เพื่อให้งานเหล่านี้สำเร็จเพราะเป็นความ
ก้าวหน้าของนักวิชาการ แต่ในวันนี้การได้รับเชิญให้ทำอะไรในระดับนานาชาติกลับเป็นความรู้สึกเฉยๆ
ไม่ได้กลายเป็นเป้าหมายหลักของชีวิตเหมือนแต่ก่อน อาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำอย่างเมตตาว่าให้ทำงานอยู่ก่อน
จนกว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้วค่อยลาออก แต่เวลาอีก 1-2 ปีหรือมากกว่านั้น
ที่อาจจะต้องอยู่ถ้าต้องการขอตำแหน่งกลายเป็นเวลายาวนาน ทั้งๆที่ได้ทำงานมาแล้ว 13 ปี
ช่วงเวลาที่ผ่านมากลับดูเหมือนว่าเป็นเวลาสั้นๆ อาจารย์อีกท่านหนึ่งถามด้วยความเป็นห่วงว่า
จะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงชีวิต ฉันไม่มีคำตอบให้รู้แต่ว่าทุกอย่างจะลงตัวเมื่อเรามีความมุ่งมั่น
ในหนทางที่เราดำเนินอยู่
ตอนบ่ายไปหาอาจารย์สุลักษณ์ อาจารย์ให้คำแนะนำที่สำคัญว่าอย่าวิตกกังวลใดๆ การงานต่างๆจะสำเร็จได้เอง คำแนะนำนี้เป็นเหมือนแหล่งน้ำในทะเลทราย ช่วงเวลาที่ผ่านมามีความกังวลกับการหาทุนทรัพย์เพื่อสร้างพระสถูป จะยึดคำพูดของอาจารย์ไว้ จะใช้ความคิดดีๆเพื่อพระสถูปแต่จะเตือนตัวเองไม่ให้กังวลใจ จะประคองจิตให้เบิกบานในทุกเวลานาที
วันนี้เปิดอ่านประวัติพระอาจารย์ทุลกุ โอแจนในหนังสือเรื่อง Blazing Splendor ที่คุณริกให้ ได้ความคิดที่จะไปเดินจาริกแสวงบุญในทิเบตอีก...
Thursday, August 30, 2007
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
3 comments:
เมื่ออ่านข้อความนี้แล้ว ทำให้นึกถึงที่ผ่านๆ มา ที่ครูเคยพบกับความกังวลใจหลายๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับขทิรวัณ เรื่องมูลนิธิ หรือเรื่องพระสถูป บางงานก็มีอุปสรรคที่ไม่คาดหมายเกิดขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างน่าอัศจรรย์
อาจารย์สุลักษณ์ได้อวยพรไว้แล้วว่า ขอให้ทุกสิ่งสัมฤทธิ์ผลตามพระประสงค์ของพระแม่ตารา ถ้าเรามีศรัทธาในพระองค์ท่านอย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าเราจะหาทางออกได้ในทุกๆ เรื่อง
ผมเชื่อว่า อย่างไรพระสถูปก็จะต้องสำเร็จ เพียงแต่อาจจะใช้เวลานานกว่าที่พระสถูปที่เป็นวัตถุจะเกิดขึ้น อาจต้องใช้ความพยายาม ใช้กำลังกาย กำลังทรัพย์อย่างมาก แต่ก็อย่างที่ครูเคยพูดไว้แล้วว่า ที่จริง พระสถูปได้เกิดขึ้นแล้วในใจของพวกเรา ซึ่งผมเองก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ผมนึกถึงพระสถูป เหมือนนึกถึงพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ เราไม่เคยเห็นพระองค์ แต่เรารู้สึกได้อย่างแจ่มชัดในพลังและพรของพระองค์
ผมนึกถึงบทกวีที่ครูเขียนตอนไปดู "ป่าสักทอง" แล้วผมก็ได้ตอบครูว่า "นิ่ง.. สักนิด.. สักนิด.. แล้วจะเข้าใจ" ผมคิดว่ามันยังคงมีความหมาย เพราะวันนี้เรามีขทิรวัณ มีงานมูลนิธิ มีเพื่อนร่วมงาน มีอะไรต่ออะไรมากมาย ที่เราไม่เคยคิดว่าจะมี สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็น "ธรรมะจัดสรร" ที่เราอาจจะต้องนิ่งสักนิด แล้วเราจะเข้าใจ
ผมคิดว่าการทำงานพระสถูปก็ไม่ต่างจากการกราบ บางทีความกังวลใจที่เราจะต้องเอาชนะ อาจจะยิ่งใหญ่พอๆ กับการสร้างพระสถูปที่เป็นวัตถุเสร็จก็ได้ ถ้าเราทำได้ก็แสดงว่าเราทำให้การสร้างพระสถูปเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่แตกต่างจากการปฏิบัติธรรม
อย่างไรก็ตาม ผมขอบพระคุณครูมากๆ ครับที่ให้ผมได้มีส่วนในการสร้างพระสถูปองค์นี้ ผมเคยบริจาคเงินทำบุญสร้างพระพุทธรูป สร้างพระเจดีย์หลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่ได้รู้สึกอย่างเต็มเปี่ยมว่า ได้ "ร่วมสร้าง" พระสถูปจริงๆ เหมือนครั้งนี้ นึกถึงพระสถูปเมื่อไหร่ มีแต่ความอิ่มเอม ปลื้มปีติ นึกถึงน้ำใจ นึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ความทุ่มเทของทุกๆ คน
ผมจึงคิดว่าถึงแม้พระสถูปที่เป็นวัตถุจะยังไม่เสร็จ แต่ถ้าเราได้ทำให้ทุกคนได้เห็นความสำคัญ ได้มีส่วนร่วมในการสร้างพระสถูป นึกถึงความดีงาม นึกถึงสันติภาพ นึกถึงความศรัทธา แม้ว่าเงินที่แต่ละคนบริจาคอาจจะน้อย แต่ถ้าเขาทำด้วยความศรัทธาจริงๆ ผมคิดว่านั่นก็มีความหมายอย่างมาก ไม่แพ้การสร้างพระสถูปที่เป็นวัตถุให้สำเร็จ
อาจารย์เป็นคนมีบารมี จะหยิบจับอะไรก็มีคนช่วยตลอด ช่วยแบบไม่หวังผลตอบแทน ใจหนูไม่อยากเห็นพระสถูปเป็นเพียงวัตถุสถานที่แสดงความเป็นทิเบต แต่อยากให้ขถิรวัณเป็นสถานที่พักใจแบบธิเบต หนูยังเชื่อในพลังของคน ตามที่ได้เรียนอาจารย์ไป เมื่อวานนอนคิดเล่นๆ เพราะอยากเห็นพระสถูปจริงๆ เหมือนกัน เลยว่าจะถามพี่เล็ก พี่กลางว่า สร้างพระสถูปจริงๆ ตามแบบ แต่เล็กๆ แบบเจดีย์วัดโพธ์ได้ไหม เราจะสวดมนต์ให้พระธาตุเสด็จ นี่ไงเรามีพระสถูกจากกำลังของเราเอง จากนั้น ก็จะตั้งความหวังว่าจะสร้างพระสถูปครอบ เหมือนที่ในหลวง ร. ๔ ท่านครอบพระปฐมเจดีย์ แต่ใจอยากให้มีกุฏิเร็วๆ ริมโปเชจะได้มานำปฏิบัติธรรมได้
ไม่รู้อาจารย์คิดอย่างไร
ไม่อยากให้ไฟภาษาศาสตร์ของอาจารย์มอด มีอีกหลายชีวิตที่รอความช่วยเหลือจากอาจารย์ อาจารย์ไม่เคยรู้ว่าทุกครั้งที่อาจารย์วิจารณ์งาน สอนในห้อง หรือทำวิจัย อาจารย์สง่างามมาก เป็น role model ของหนูเลยทีเดียว
ครั้งแรกที่เห็นอาจารย์คิดว่าผู้หญิงคนนี้สวยจัง เป็นอาจารย์ที่สวย พอได้เรียนได้รู้จัก ยิ่งได้รู้ว่า ความสวยงาม นั้น เกิดจากความสง่างามภายในจริงๆ อยากให้อาจารย์เป็น role model ของหนู และใครหลายๆ คนอีกต่อไป
Post a Comment